ความเสี่ยง คือ มีโอกาสได้รับอันตรายมาก
ภัย คือ สิ่งที่น่ากลัว, อันตรายต่าง ๆ
ความเสี่ยงภัย คือ โอกาสที่จะเกิดความเสียหาย ความสูญเสีย หรือเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ หรือการกระทำใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นภายใต้สถานการณ์ที่ไม่แน่นอน ส่งผลกระทบกับเรา หรือครอบครัวของเรา เช่น หกล้ม ตกบันได ไส้ติ่งอักเสบ มะเร็ง ขับรถชนคนอื่นเสียชีวิต ฯลฯ เราแบ่งประภทของความเสี่ยง และการแนวทางแก้ไขหรือป้องกัน โดยดูจาก
โอกาสที่จะเกิด มากหรือน้อย
ความเสียหาย มากหรือน้อย
ภัย เกิดขึ้นได้ทุกที่ ตลอดเวลา สาเหตุของการเกิดภัยคือ
- ความประมาทของเราเอง ทำให้เราและคนอื่นได้รับผลกระทบ เป็นภัย ที่เราลด ควบคุม หลีกเลี่ยงได้
- คนอื่นประมาท แต่เราต้องได้รับผลกระทบด้วย เป็นภัย ที่เราลด ควบคุม หลีกเลี่ยงไม่ได้
- ภัยที่เราควบคุมไม่ได้ เช่น ภัยธรรมชาติ ลมพายุ เป็นภัย ที่เราลด ควบคุม หลีกเลี่ยงไม่ได้
จะเห็นได้ว่าเราสามารถลด ควบคุม หลีกเลี่ยง ได้เพียงความประมาทของเราเองเท่านั้น แต่บางครั้งก็อาจจะพลาดให้เกิดความเสียหายได้ ส่วนคนอื่นประมาทมาทำให้เราเสียหาย หรือภัยธรรมชาติ เป็นภัยที่เราลด ควบคุม หรือหลีกเลี่ยงได้ยาก หรือไม่ได้เลย
เราจะรับมือกับความเสี่ยงภัยอย่างไร?
สามารถแบ่งเป็น 4 แบบ คือ
1. โอกาสที่จะเกิดภัย : มาก
ความเสียหาย : น้อย
ตัวอย่าง : ผงเข้าตา
วิธีแก้ : ลด,ควบคุม
ในชีวิตประจำวัน เราอาจจะเกิดภัยได้ตลอดเวลา แม้เราอยู่ในบ้านของเราเอง เดินชนขอบโต็ะ มีดบาด เดินเตะของที่พื้น ฯลฯ เราก็ต้องควบคุมตัวเอง ให้ระมัดระวังในการทำกิจกรรมต่างๆ หรือออกมาข้างนอกบ้าน แมลง หรือฝุ่นผงเข้าตา ก็ป้องกันโดยการใส่แว่นตา ถึงแม้ความเสียหายจะน้อย แต่ถ้าเราไม่ใส่ใจลดความเสี่ยง หรือป้องกัน ก็อาจจะทำให้เกิดความเสียหายรุนแรงขึ้นได้
2.โอกาสที่จะเกิดภัย : มาก
ความเสียหาย : มาก
ตัวอย่าง : ไปในที่เสี่ยง,ที่อโคจร
วิธีแก้ : หลีกเลี่ยง
ถือว่าเสี่ยงและเสียหายสูงสุด แก้ไขได้โดยการหลีกเลี่ยง หรือหยุดกระทำ เพื่อลดโอกาสการเกิดภัย ทำให้ไม่เกิดความเสียหายนั่นเอง
3.โอกาสที่จะเกิดภัย : น้อย
ความเสียหาย : น้อย
ตัวอย่าง : จอมือถือแตก
วิธีแก้ : รับความเสี่ยงไว้เอง
เป็นวิธีที่คนส่วนใหญ่ เมื่อเกิดอะไรขึ้นก็รับความเสี่ยงเอาไว้เอง ถ้าไม่เกิดอะไรขึ้น เราก็ใช้ชีวิตได้อย่างปกติ แต่บางครั้งเกิดเหตุ แล้วมีความเสียหายมาก ทำให้เสียค่าใช้จ่ายสูงมาก จนเงินเก็บเราลดลง หรือต้องไปหยิบยืมคนอื่นเพื่อมาจ่าย บางคนจึงเลือกที่จะใช้วิธี โอนความเสี่ยง เพื่อคนอื่นรับความเสี่ยงแทนเรา
ความเสียหาย : มาก
ตัวอย่าง : รถยนต์ ,ไฟใหม้
วิธีแก้ : โอนความเสี่ยง
การโอนความเสี่ยง จะมีค่าใช้จ่าย ทำให้บางคนเลือกที่จะ รับความเสี่ยงไว้เอง เพราะ ไม่ต้องทำอะไร ถ้าไม่เกิดเหตุอะไรขึ้นก็จะประหยัดกว่า คนที่โอนความเสี่ยง เช่น นาย ก กับนาย ข มีรถเก๋ง เหมือนกัน
นาย ก โอนความเสี่ยง โดยซื้อประกันรถ จ่ายเบี้ย 10,000 บาท
นาย ข รับความเสี่ยงเอาไว้เอง ไม่ต้องจ่ายเบี้ยประกัน
หากไม่เกิดเหตุอะไร นาย ก จะเสียเบี้ยไปฟรีๆ 10,000 บาท นาย ข ไม่ต้องเสียเงินสักบาท
หากเกิดเหตุ บริษัทประกัน จะจ่ายแทนนาย ก ส่วนนาย ข ต้องจ่ายเอง
ซึ่งไม่มีใครรู้ว่า อนาคตจะเกิดอะไรขึ้น ท่านต้องเลือกเองว่าจะรับความเสี่ยงไว้เอง หรือโอนความเสี่ยง ให้บริษัทประกัน รับความเสี่ยงแทนท่าน
ทำไมต้องโอนความเสี่ยงภัย
เราจะเห็นข่าวไฟใหม้ หรืออุบัติเหตุรถชนกันทุกวัน เราอาจจะเฉยๆ เพราะบุคคลในข่าวไม่ใช่เรา แต่บางคนจะมีความคิดว่า เออ แล้วถ้าเรื่องร้ายๆ มันเกิดขึ้น จะรับมือกับมันอย่างไรดี? การเตรียมความพร้อมไว้ก่อน ย่อมดีกว่าไม่ได้เตรียมอะไรไว้เลย การโอนความเสี่ยงภัยคือ การเตรียมพร้อมในเรื่องที่เรากลัว หากมันเกิดขึ้น เช่น ถ้าเกิดขับรถไปชนของคนอื่นเสียหาย ต้องเสียเงินเยอะ คนส่วนใหญ่ก็จะโอนความเสี่ยง โดยการทำประกันรถยนต์ เพื่อให้บริษัทประกันภัย เราความเสี่ยง คอยจ่ายแทนเรา
ประกันภัย ช่วยเราเรื่องอะไรบ้าง?
ประกัน = ทนาย + เงิน
หากเราเป็นฝ่ายผิด
บริษัทประกันจะเจรจา + จ่ายค่าเสียหายให้คู่กรณี + ซ่อมให้เรา (ตามเงื่อนไข+ทุนที่เราซื้อไว้)
หากเราเป็นฝ่ายถูก (แต่คู่กรณีไม่มีประกัน)
บริษัทประกันจะซ่อมให้เรา (ตามเงื่อนไข+ทุนที่เราซื้อไว้) แล้วไปเรียกเก็บกับคู่กรณีแทนเรา
สรุป ไม่ว่าเราจะถูกหรือผิด ประกันจะเจรจา + จ่ายให้เรา + จ่ายแทนเรา
เราไม่มีประกัน กับคู่กรณีไม่มีประกัน ไม่รู้ว่าอะไรแย่กว่ากัน เพราะถ้าเราไม่มีประกันแล้ว เราต้องติดต่อหรือดำเนินการทางกฎหมาย แม้ว่ากฎหมายจะกำหนดไว้ว่า ทุกคนจะอ้างว่า ไม่รู้กฎหมายไม่ได้ แต่คนส่วนใหญไม่มีความรู้เรื่องกฎหมาย ก็ต้องไปจ้างมืออาชีพด้านกฎหมาย คือ จ้างทนายความ เป็นค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ซึ่งคนเก่งๆ ค่าจ้างก็แพงมาก มาดูว่าเราจะเครียดอย่างไรบ้าง
เราต้องชดใช้ค่าเสียหายให้คู่กรณี ต้องเดินเรื่องเอง เสียทั้งเงิน เวลา และเครียด จนกว่าเรื่องจะจบ
ถ้าคู่กรณีของเรามีประกัน ก็จะมีทนายความ มาคอยเร่งรัดให้เราจ่ายค่าเสียหาย หรือมายึดทรัพย์ เพื่อหาเงินเข้าบริษัทประกัน เพราะเขาจ่ายค่าเสียหายให้ลูกค้าเขาแทนเราไปแล้ว สรุปคือเครียดที่จะต้องเสียเงินเยอะ เครียดหาเงินมาจ่าย
เราเป็นฝ่ายถูก
คู่กรณีไม่มีเงินจ่ายค่าเสียหายให้เรา ต้องฟ้องร้องอีก เสียทั้งเงิน เวลา และก็ไม่รู้ว่าศาลตัดสินแล้ว คู่กรณีจะมีเงินมาจ่ายเราไหม เครียดหนักกว่าอีก ต้องเสียเงินค่าซ่อมเอง เสียทั้งค่าทนาย เสียเวลาแล้วก็ไม่ได้อะไร เจ็บใจแถมต้องเสียเงินค่าซ่อมของเราอีก
ฉนั้นเมื่อเกิดเหตุแล้ว เราไม่มีประกัน ไม่ว่าเราจะเป็นฝ่ายถูก หรือเป็นฝ่ายฝิด ก็จะมีแต่ความเครียด และเหนื่อย
เราเป็นฝ่ายผิด มาเจรจา และจ่ายค่าเสียหายให้คู่กรณีแทนเรา
เราเป็นฝ่ายถูก จ่ายค่าเสียหายให้เรา แทนคู่กรณี แล้วไปเรียกเก็บค่าเสียหายคู่กรณีแทนเรา
ไม่ต้องเครียด แค่เรียก ประกัน
เพิ่มการันตี24 เป็นเพื่อน เพื่อเช็คเบี้ย ภาษี ดูโปรโมชั่น รับคูปองส่วนลด
ประกันออนไลน์ ที่คุณอาจสนใจ